รู้จัก ‘อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ’ ที่ประเทศญี่ปุ่นใช้งบสร้างกว่าแสนล้าน เพื่อป้องกัน และรับมือเหตุน้ำท่วม


รู้จัก ‘อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ’ ที่ประเทศญี่ปุ่นใช้งบสร้างกว่าแสนล้าน เพื่อป้องกัน และรับมือเหตุน้ำท่วม

13 ตุลาคม 2562 

 

ที่มา: https://news.mthai.com/special-report/767238.html

ประเทศญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่เกิดภัยพิบัติอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นประเทศที่มีการเตรียมตัว และวิธีที่ชาญฉลาด  ตื่นตัว แต่ไม่แตกตื่นกับการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ รวมทั้งทางการ รัฐบาล และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังมีขั้นตอน มาตรการในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี นอกจากนี้มีการกล่าวด้วยว่า “ฮากิบิส” อาจเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งแม้ว่าขณะนี้พายุในแถบรอบๆกรุงโตเกียวได้เงียบสงบลงแล้ว แต่ทางการญี่ปุ่นยังคงประกาศแนะนำว่าห้ามออกจากบ้านจนกว่าพายุจะพ้นออกไป เมื่อพูดถึงหนึ่งในโครงการที่ทั่วโลกรู้จักและพูดถึงคือ ‘อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ’ (Metropolitan Area Outer Underground Discharge Channel) ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครโตเกียว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มงบประมาณมหาศาลกว่า 3 แสนล้านเยน หรือ เกือบ 1 แสนล้านบาท และใช้เวลายาวนานกว่า 8 ปี ในการดำเนินโครงการ โดย ‘อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ’ เริ่มก่อสร้างขึ้นปี 1992 และแล้วเสร็จในปี 2000  ทั้งนี้แม้ว่าโครงการนี้จะใช้งบประมาณมากมายมหาศาล แต่ก็นับได้ว่าเป็นการดำเนินการที่คุ้มค่า เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างดีเยี่ยมโครงการหนึ่ง สาเหตุที่มีการสร้างอุโมงค์ยักษ์แห่งนี้ขึ้นมา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมักได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมหลายครั้ง เรียกได้ว่าเกิดน้ำท่วมขึ้นเกือบจะทุกปี เพราะลักษณะของดินในพื้นที่ที่มีรูปร่างเหมือนชาม ทำให้ง่ายต่อการกักเก็บน้ำเอาไว้ ความลาดชันของแม่น้ำก็มีน้อย ทำให้น้ำไหลลงทะเลได้ยาก ดังนั้นเมื่อเกิดฝนตกหนัก ระดับน้ำจะลดลงช้า นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่นี้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พื้นที่ทั่วไปเป็นเขตเมือง จึงทำให้น้ำฝนซึมลงพื้นได้ยากขึ้น แทนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโดยตรง จึงทำให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ ที่ด้านล่างดูแล้วเหมือนภายในมหาวิหาร หรือ เหมืองมอเรียจากหนังเรื่อง Lord of the Ring มีความยาว 6.3 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ดินมากกว่าความลึกของรถไฟใต้ดินเสียอีก ซึ่งการก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังใช้ประโยชน์จากดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อสร้างอุโมงค์ นำไปรีไซเคิลเพื่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำเอโดกาวะอีกด้วย ทั้งนี้ ‘อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ’ มีกลไลในการระบายน้ำคือ ใช้วิธีเชื่อมต่อเพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำขนาดเล็ก และขนาดกลาง เช่น แม่น้ำนาคางาวะแม่น้ำคุระมัตสึ แม่น้ำโอโตชิที่จะไหลลงมาในไซโล โดยทางระบายแต่ละแท่ง มีความสูงประมาณ 70 เมตรและกว้าง 30 เมตร ซึ่งน้ำจะถูกปั้มผ่านอุโมงค์น้ำใต้ดินกว้าง 10 เมตร วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 16 ยาวไปยังแท็งค์กักเก็บน้ำในเมืองคัสสึคาเบะ ที่มีขนาดกว้าง 78 เมตร ยาว 177 เมตร สูง 18 เมตร หลังจากนั้นน้ำจะถูกปั้มลงแม่น้ำเอโดะ เพื่อปล่อยลงสู่อ่าวโตเกียวต่อไป นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังมีการผนวกเอาขั้นตอนการทำงานจากอุโมงค์เข้ากับเทคโนโลยี โดยมีการสร้างห้องควบคุมที่มีหน้าจอควบคุมระบบภายในอุโมงค์ต่าง ๆ กว่า 20 เครื่อง ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถสอดส่อง ดูแล ควบคุมสถานการณ์ระดับน้ำได้อย่างทั่วถึง สิ่งที่น่าสนใจของอุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ คือ ประชาชนทั่วไปก็สามารถยังเข้าไปชม และหาความรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของอุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์แห่งนี้ได้ โดยจะมีการอธิบายถึงขั้นตอนของการระบายน้ำจากอุโมงค์ยักษ์ แบบเข้าใจได้ง่ายที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นผลงานด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และมีวิศวกรจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาดูงานที่อุโมงค์แห่งนี้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของอุโมงค์แห่งนี้ทำให้บ้านที่ถูกน้ำท่วมในเขตเมืองลดลงอย่างมาก และช่วยลดความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำเป็นเวลาหลายปี